คลิกรูปปกหนังสือ เพื่อดาวน์โหลดอีบุ๊ค แต่ถ้ามีจำนวนเล่มเยอะ ให้คลิก link เลขที่เล่มด้านล่าง แทนรูปหน้าปกนะคะ
เมื่อกดวางสายไปแล้ว แต่แอริณก็ยังไม่พร้อมที่จะหันกลับไปเผชิญหน้ากับจันจิอยู่ดี
เธอเลยยังยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น แต่ก็ต้องสะดุ้งจนขนคอลุกชัน
“เสียงผู้หญิงนี่คะ”
จันจิเข้ามายืนซ้อนหลังเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่นั่นก็ทำให้คนที่ยังขมุกขมัวกับความรู้สึก ได้บอกออกไปทั้งท่าขมวดคิ้ว
“ฉันก็เคยบอกเธอแล้ว”
“คุณน่าจะเคยสงสัยใช่ไหมว่าเรื่องของพวกเขาเกิดขึ้นได้ยังไง”
“……………………”
“พวกเค้าใกล้ชิดกันเกินไปค่ะ”
“จิ…ถ้าเธอไม่ใช่ ก็ช่วยถอยให้ห่างฉัน”
“จิไม่ได้เรียกร้องหาความรัก”
พอพูดจบ ปลายจมูกโด่งก็กดแนบลงกับบ่าคนที่สะดุ้งโหยงจนตัวชาไปหมด
และร่างกายของแอริณก็ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะปัดป้อง สองมือกำขอบเคาน์เตอร์แน่นจนสั่นเกร็งไปหมด
สองมือประคองขึ้นจับต้นแขนกันไว้ เพื่อพยุงร่างระทวย
ที่กำลังหอบหายใจสั่นเอาไว้ในอุ้งมือ เนื้อสาวคือกลิ่นใหม่ที่หอมยิ่งกว่ากลิ่นจากเรือนผมเสียอีก
“เธอ…”
“คุณรู้ไหมว่าพวกเขาเข้าหากันยังไง”
พูดจบ ลำคอระหงก็ถูกริมฝีปากหยักจูบเม้มพร้อมๆ
กับโดนปลายจมูกงามนั้นดอมดมลงไปอย่างแช่มช้า และแสนนุ่มนวล
สมองพลันขาวโพน เมื่อยามที่ฝ่ามือสากลูบคลึงลงบนต้นแขนทั้งสองข้าง
ร่างกายอ่อนกำลังจนต้องเอนพิงกายไปไว้กับคนที่พยุงอยู่ด้านหลังทั้งตัว
มันอ่อนไหวเสียจนไม่มีแรงมากพอที่จะหันไปกอดร่างที่กำลังเล้าโลมกันอยู่
และกว่าจะพูดออกมาได้ ลำคอที่แห้งผาก ก็เปล่งเสียงเป็นกระซิบบางเบาว่า
“ยัง…ไง คะ?”
“แค่คุณเรียกหา…”
จันจิทิ้งคำนั้นเป็นการส่งท้าย แล้วปล่อยคืนร่างนั้นให้เป็นอิสระ
เมื่อเห็นว่ายืนเองได้ไหว ท่ามกลางความมึนงง คนขับรถสาวก็เดินออกจากห้องไปแล้ว
ปล่อยทิ้งให้เจ้าของห้อง ได้ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นทั้งแข้งขาอ่อนในยามที่เสียงปิดประตูดังขึ้น
จะหยุดไว้เพียงเท่านี้ หรือควรต้องเดินหน้าไปจนสุด
น้ำตาที่ไหลหยด มันคือการค้นพบ หรือเพราะเกลียดชังตัวเองกันแน่
แอริณไม่มีทางเข้าใจมันเลย จนกว่าจะเอาตัวเข้าไปทำความรู้จักมัน
สองมือยกขึ้นลูบต้นแขนที่เคยมีฝ่ามือนั้นฝากร่องรอยเอาไว้
ทันทีเสียงสะอื้นก็ร่ำไห้ออกมาเป็นสาย เธอไม่สนแล้วว่า รวิจะมาเจอเธอในสภาพไหน
เพราะหัวใจมันเปลี่ยนสีไปแล้ว เธอเข้าใจรวิได้อย่างถ่องแท้
มันเริ่มต้นแบบนี้นี่เอง!