คลิกรูปปกหนังสือ เพื่อดาวน์โหลดอีบุ๊ค แต่ถ้ามีจำนวนเล่มเยอะ ให้คลิก link เลขที่เล่มด้านล่าง แทนรูปหน้าปกนะคะ
ยอมสิ้นใจ มิยอมสิ้นรัก ยอมเอ่ยคำรัก มิสนคำครหา…
‘องค์ชายโจวยิง’ บาดเจ็บสาหัส พลัดตกลงไปยังหุบเขาเสวี่ยซาน
หากมิได้ ‘ปิงหนิง’ คอยดูแลรักษาก็คงมิรอด
กว่าจะรู้ว่านางมิใช่หมอยาธรรมดา ทว่าคือนางเซียนหงษา
หัวใจขององค์ชายแห่งเผ่าวารีกลับกองอยู่แทบเท้าของศัตรู
คิดถอนตัวออกห่างก็ยากเย็นเสียแล้ว!
“ท่านเลิกลวนลามข้าได้แล้ว!”
ปิงหนิงปัดมือของโจวยิง ที่บัดนี้ดูเหมือนจะอารมณ์เสียขึ้นทุกทีแล้ว
“ที่แท้เจ้ารังเกียจข้า หมายปั่นหัวข้าเล่นอย่างที่เขาพูดกัน โม่วหวิ๋นเตือนแล้วแต่ข้ากลับมิยอมฟัง โง่เง่าถูกหลอกมาเสียหลายเดือน เจ้าเห็นข้าเป็นเช่นนี้มีความสุขดีหรือไม่”
“ข้ามิได้ปั่นหัวท่าน ข้าแค่กลัวว่าเผ่าหงสาจะมิพอใจ ก่อเรื่องสร้างความวุ่นวายเพราะว่าข้าเป็นเหตุ ท่านพ่อข้าเองก็คงจะไม่พอใจที่ต้องได้ยินเรื่องนี้จากปากของผู้อื่น แทนที่จะออกจากปากของข้าเอง”
“ข้าสัญญาว่าจะคุยกับครอบครัวของเจ้าด้วยตัวเอง เรื่องนี้เจ้าเชื่อใจข้าได้ มิใช่ข้าดอกหรือที่บอกว่าจะช่วยรักษาเจ้าให้หายดี โดยมิต้องพึ่งพาบ่อวารีพิสุทธิ์อีก”
โจวยิงอ้างว่าตนเป็นผู้ตามเทพวารีกลับมา แม้ปราณจะเป็นของท่านอาลี่หยาง ทว่าเขาก็มีส่วนสำคัญด้วยเช่นกัน
“เจ้าเถียงมิออกแล้ว ข้าลงมือได้เลยหรือไม่”
“ทำไมท่านหน้าหนายิ่งนัก ของแบบนี้ขอลงมือกันได้ง่ายๆ ด้วยหรือ”
“ปกติก็คงมิใช่เรื่องยาก แต่เจ้าต่างหากเล่าที่ทำให้มันยาก ข้าออดอ้อนร้องขออยู่หลายชั่วยาม จนเปลี่ยนใจมิอยากจะเห็นหน้าของเจ้าอีกแล้ว”
โจวยิงขยับตัวหมายจะลุกขึ้นนั่ง เพราะการเอนตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนทำให้เขามิสบายตัวนัก
แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจผิด คิดว่าเขาจะหนีห่างและมิยอมสนใจนางอีก
“ข้ามิได้ทำให้เรื่องให้ยากสักหน่อย”
ปิงหนิงคว้าร่างขององค์ชายเอาไว้ กลัวว่าเข้าใจกันดีแล้วจะทะเลาะกันใหม่อีก
หากเขาสัญญาว่าจะรับผิดชอบ นางก็คงมิต้องกังวลแล้วกระมัง
ปิงหนิงดึงองค์ชายแห่งเผ่าวารีกลับเข้ามาใกล้ นางมิอาจรู้ได้ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง
จึงได้แต่กระทำอย่างที่เคยได้ยินบรรดาพี่ชายเคยกระซิบคุยกัน ยามที่คิดว่านางมิอยู่ใกล้ๆ
นางเซียนหงสาขึ้นทับร่างของโจวยิงก่อนจะบรรจงจูบอย่างมิชำนาญที่สุด
ทว่านั่นกลับเร้าใจผู้ที่รออยู่อย่างมาก
“เจ้ารู้หรือว่าต้องทำอย่างไร”
โจวยิงยิ้มกว้าง หลังจากนางถอนจูบที่ไม่ประสานัก
“มิรู้ ล้วนเดาเอาเองทั้งนั้น”
“เช่นนั้นก็ปล่อยให้ข้าเป็นผู้สอนเจ้าเถิด”
มือเรียวขององค์ชายรัชทายาทไต่เลื่อนพลิ้วไหวไปทั่วร่างของปิงหนิง นางหอบหายใจสะท้าน
ความพยายามในการยื้อยุดอาภรณ์ที่เหลืออยู่พังทลาย แต่นับว่าโจวยิงยังเมตตาอยู่บ้าง
จึงมิเอ่ยห้ามยามนางดึงผ้าแพรมาเพื่อปิดบังส่วนสำคัญของร่างกาย เขาคงเห็นว่าภายนอกมืดแล้ว
จึงสะบัดมือให้เทียนทั่วทั้งห้องบรรทมของตำหนักหานโจวส่องแสงสว่าง
แต่ปิงหนิงกลับเห็นว่าทุกอย่างกระจ่างชัดจนน่าอาย นางจึงใช้ปราณดับมันลงไปกว่าครึ่ง
ส่วนอีกครึ่งหนึ่งก็เหลือไว้ให้นางได้เห็นอะไรดีๆ บ้าง…