Home » โซ่ทองคล้องรัก – ลิลลี่แห่งหุบเขา (สว่างศรี)

โซ่ทองคล้องรัก – ลิลลี่แห่งหุบเขา (สว่างศรี)

คลิกรูปปกหนังสือ เพื่อดาวน์โหลดอีบุ๊ค แต่ถ้ามีจำนวนเล่มเยอะ ให้คลิก link เลขที่เล่มด้านล่าง แทนรูปหน้าปกนะคะ

ดาวน์โหลดนิยาย โซ่ทองคล้องรัก pdf epub ลิลลี่แห่งหุบเขา สว่างศรี

มือเล็กๆ ดันไหล่ชื้นเหงื่อของคนที่ทั้งซบและทิ้งน้ำหนักลงบนตัวเธอ จนเธอแทบจมไปกับโซฟา หลังจากทุกอย่างสงบลง

เธอสาบานได้ว่าต้องการแค่มาคุยกับเขา ไม่ได้ต้องการให้ความใกล้ชิดถึงขั้นนี้เกิดขึ้นแม้แต่สักนิดเดียว แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว…

 

“หายใจไม่ออก”

เธอพึมพำด้วยเสียงแหบพร่า จนไม่อยากเชื่อว่าเป็นเสียงตัวเอง ใบหน้าที่ซุกอยู่แถวแอ่งชีพจรและริมฝีปากที่แตะอยู่แถวนั้นค่อยๆ ถอยห่างไปจากเธอพร้อมการขยับเขยื้อนของคนตัวโตกว่า

แต่ทว่าเขาไม่ได้ถอยไปจากเธออย่างที่คิด แต่การขยับของเขา ทำให้ตัวเธอหมุนเหวี่ยงตามแรงดึงไปนอนทาบทับโดยมีเขาอยู่ใต้ร่างแทน อย่างนี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่าเก่า แย่กว่าเดิมเสียอีก

 

“ปล่อยก่อนค่ะ”

แขนที่ล็อกตัวเธอคลายออก หญิงสาวรีบลุกถอยออกมาลนลานคว้าเสื้อผ้ามาสวม ไม่ตวัดสายตาไปมองคนที่ขยับลุกขึ้นนั่ง เนื้อตัวเธอร้อนผ่าวไปหมด ใส่เสื้อผ้าไม่สะดวกเท่าปรกติแต่กระนั้นก็รีบสวมเนื้อตัวสั่นไปหมด

เธอหันกลับไปมองคนที่นั่งมองเธออยู่ ตวัดสายตาไม่พอใจมองไป ก่อนจะคว้าเสื้อผ้าเขาโยนไปบนโซฟาข้างตัวเขา

 

“เหมือนคราวที่แล้วไม่มีผิด ได้ผมแล้วก็หน้าเชิดใส่ เป็นใบโพล่าร์รึไงคุณ ตอนอยากได้ก็จะเอา พอได้แล้วก็ทำเหมือนผมไปข่มขืน”

คำพูดของชายหนุ่มทำให้เธอโกรธจนปากสั่น ที่ไม่ยอมสวมเสื้อผ้านั่นอีก หลายอย่างที่เป็นเขาตอนนี้กวนโมโหจนเธอพูดไม่ออก

“ฉันไม่เคยอยากได้คุณ”

เธอแหวลั่น

“ฉันมาเพราะว่ามีเรื่องจะคุย แต่คุณไม่ฟังฉันเลย ไม่ให้โอกาสได้พูด”

“ก็นี่ไง ให้พูดแล้ว พูดสิ”

“หึ”

เธอมองค้อนคนฉวยโอกาส กับคนอื่นที่คบค้ากับเขาคงกินกันไม่ต้องพูดต้องจาแบบนี้ เพราะเขาคิวงานเยอะมีเวลาไม่มาก พอเธอมาหาก็ถูกเหมารวมทั้งที่บอกปาวๆ ว่าไม่ได้ต้องการเขาเลย ต่อให้เขาจะติดโผหนุ่มหน้าหล่อชวนฝันแห่งปีมาหลายปีติดก็ตามทีเถอะ

 

“หัดเข้าใจความต้องการของตัวเองบ้าง คุณอยากเข้าหาผม แต่ไม่ต้องทำมาเป็นเหมือนไม่อยากได้ ไม่เต็มใจ ผมไม่ชอบ ถ้าอยากก็แค่บอก ผมไม่ได้หวงตัวคุณก็เห็น”

“คนบ้า”

หญิงสาวยังไม่มีโอกาสพูดเขาก็พูดเข้าข้างตัวเองรัวๆ จนหาช่องไฟแทรกไม่ทัน เธอโกรธจนหาคำพูดมาเถียงเขาไม่ทันแล้ว

เธอทำท่าเหมือนไม่อยากมองเขาเลย และเชิดหน้าจนกลัวคอจะเคล็ด เลยหยิบบ็อกเซอร์ที่เธอโยนมาสวมเข้าอย่างเชื่องช้า แตกต่างจากเวลาถอดผ้าเธอยิ่งนัก

“สวมเสื้อด้วย ฉันจะรีบคุยธุระ จะได้ไม่เสียเวลา”

“ไม่สวมคุยไม่ได้รึไง”

“ไม่ได้!”

หญิงสาวหันหน้าหนี ก็ไม่อยากมองซิกแพกซ์ ไม่อยากมองแขนล่ำๆ ไม่อยากมอง!

 

# # # # # # # # # #

 

ห้องรับรองเงียบๆ ที่เต็มไปด้วยความอึดอัด ปทิตานั่งหน้าซีดเผือด จับมือตัวเองแน่น

เธอไม่คาดคิดว่าจะเจอเขา เธอแค่พาลูกกลับไทยมาเยี่ยมพ่อที่ป่วยเข้าโรงพยาบาล แต่การรักษาเหมือนจะยาวและมีเรื่องวุ่นหลายอย่างที่เธอต้องจัดการเธอกลัวไม่มีเวลาดูแลลูกเลยพาลูกมาเรียนเพื่อให้แกได้ฝึกภาษา และช่วงที่ลูกเรียนเธอจะได้ไปจัดการธุระได้โดยไม่ต้องพะวักพะวน

 

แต่เธอไม่นึกเลยว่าแค่มาเรียนวันแรกวิกกี้จะถูกเพื่อนแกล้งจนเจ็บตัว ลูกสาวเล่าอย่างออกรสว่ามีเพื่อนที่ออกตัวว่าเป็นฝาแฝดของเจ้าตัวมาช่วยจนเพื่อนอันธพาลเจ็บตัวเช่นกัน เธอเลยถูกเชิญมาเพื่อฟังสรุปเหตุการณ์และพูดคุยกับผู้ปกครองของคู่กรณี

เธอไม่นึกเลยว่าผู้ปกครองของน้องบี ฮีโร่ของยายวิกกี้จะเป็นเขา

ผู้ชายที่กำลังนั่งจ้องเธอเขม็งเหมือนจะกินเลือดกินเนื้ออยู่ตอนนี้

 

“ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยหรือ”

วฤทธิ์ ถาม เพราะตั้งแต่ที่เดินเข้ามา มีเพียงวิกกี้และน้องบีวิ่งมากอดกันและจูงมือกันไปเล่นอีกทาง ส่วนเขากับเธอนั่งคนละฝั่งของโซฟา

“ไม่เห็นต้องพูดอะไร ฉันรอพบผู้ปกครองของเด็กที่ผลักลูกให้เจ็บเพื่อมาขอโทษและทำความเข้าใจเท่านั้น”

หญิงสาวพยายามควบคุมไม่ให้มือที่สั่นเพราะความหวาดหวั่นบางประการ

“ก็จะไม่พูดกับผู้ปกครองเด็กที่ช่วยลูกคุณเอาไว้บ้างเหรอ”

“…”

 

“น้องบีบอกว่าช่วยวิกกี้เพราะถูกชะตากับวิกกี้มาก บอกว่าหน้าเหมือนกันจนเรียกวิกกี้ว่าบีสอง น่าแปลก ลูกคนละพ่อคนละแม่กัน แต่ทำไมหน้าคล้ายกันนัก”

วฤทธิ์พูดเสียงเย็น แบบที่ใครได้ยินคงหนาว เขาพูดเหมือนหยันแต่อันที่จริงเขาโกรธจะแทบกระอัก ตอนเขาเดินเข้ามาเจอเธอและวิกกี้แวบแรก ดวงตาของเธอก็บอกหมดทุกอย่างว่าเธอมีสิ่งที่ปกปิดเอาไว้และสิ่งนั้นถูกเปิดเผยต่อคนที่ไม่ควรล่วงรู้ที่สุดแล้ว

แต่เธอก็ยังแสร้งทำเป็นไม่มีอะไร เขาเลยแกล้งพูดเรื่องที่วิกกี้กับน้องบีหน้าเหมือนกัน

 

ตุบ!

เสียงของหล่นจากมือของ ปทิตา เธอมืออ่อนและสั่นจนแทบเอามืออีกข้างจับไว้ คอแห้งผากไปหมด ไม่กล้าสบตาเขาในยามที่ก้มลงเก็บกระเป๋าคล้องไหล่ที่หล่นบนพื้น เธอมืออ่อนจนมันหลุดมือ วฤทธิ์เลยก้าวมานั่งชันเข่าที่พื้นแล้วหยิบมันขึ้นให้เธอ สายตาคมกร้าวของเขาเงยหน้ามองเธอ

 

“อย่าได้คิดพาลูกหนีไปจากผมอีก ไม่อย่างนั้นเราเห็นดีกันแน่”

เสียงดุของเขาทำให้เธออยากจะวิ่งหนีออกไปจากความเยือกเย็นและน่ากลัวนี้ให้พ้นๆ เหลือเกิน แต่เขากลับเป็นคนไปเอง ร่างสูงที่ยังดูดีไม่เคยเปลี่ยนติดจะภูมิฐานขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำก้าวเดินไปยังมุมของเล่นที่เด็กหญิงสองคนกำลังเล่นกันอยู่

 

เด็กหญิงทั้งสองหน้าคล้ายกันราวฝาแฝดเพราะแต่งตัวเหมือนกัน เรียกได้ว่าคนที่รู้จักเผินๆ มีจำผิดแน่ ดีว่าแยกได้ที่คนหนึ่งผมสั้นคนหนึ่งผมยาว การที่เขาลุกจากเธอทำให้เธอโล่งใจได้ไม่นาน เพราะเขาเดินไปหาลูก เธอประหวั่นมากกว่าเก่าหลายเท่า

เธอไม่คิดว่าจะเจอเขา ไม่คิดว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้ คิดว่าจะกลับไทยเงียบๆ และรีบกลับตอนบิดาออกจากโรงพยาบาล

 

แต่เพียงแค่มาวันที่สองเท่านั้น ลูกที่เธอเก็บซ่อนไว้สุดความสามารถกลับต้องมาเจอพ่อของแกโดยบังเอิญ ปัญหาใหญ่คงต้องตามมาอย่างไม่ต้องคาดเดา