คลิกรูปปกหนังสือ เพื่อดาวน์โหลดอีบุ๊ค แต่ถ้ามีจำนวนเล่มเยอะ ให้คลิก link เลขที่เล่มด้านล่าง แทนรูปหน้าปกนะคะ
“อ้อนจะถือว่าอ้อนชดใช้พี่เจตน์ไปหมดแล้ว ต่อจากนี้เราคงไม่มีอะไรที่จะต้องข้องเกี่ยวกันอีก”
อรรัมภาถอดแหวนเพชรเม็ดงามที่ครั้งหนึ่งชายหนุ่มตรงหน้าเคยคุกเข่าขอหล่อนแต่งงาน
และสวมมันลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของหล่อนออกจากเรียวนิ้วช้าๆ ก่อนจะปาใส่อกเขา
“ใช่ มันจะเป็นอย่างนั้น ถ้าในท้องของเธอไม่มีลูกของพี่”
เจตนิพัทธ์เลื่อนสายตาจากแหวนแต่งงานที่ตกลงบนพื้นไปยังหน้าท้องแบนราบ
ที่ตอนนี้อาจจะมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอยู่ในนั้น ก่อนจะเลื่อนสายตา
ไปจดจ้องยังใบหน้าหวานของคนตรงหน้าอย่างยากที่จะคาดเดาความรู้สึก
“พะ…พูดอะไรคะ อ้อนไม่เข้าใจและอ้อนไม่ได้ท้อง”
อรรัมภาปฏิเสธเสียงตะกุกตะกัก เจตนิพัทธ์แค่นยิ้มกับท่าทีมีพิรุธของคนตรงหน้า
เจ้าตัวไม่รู้เลยหรือไงว่าสายตาของเจ้าหล่อนมันฟ้องขนาดไหน
“เหรอ ไม่ได้ท้องเหรอ”
เจตนิพัทธ์เลิกคิ้วถาม แต่มุมปากหยักกลับแค่นยิ้มร้าย
ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มตัวแล้วสาวเท้าเข้าใกล้คนตัวเล็กเรื่อย ๆ
“ขอตัวค่ะ”
ยังไม่ทันที่สาวเจ้าจะเดินออกไป มือแกร่งก็คว้าหมับเข้าที่เรียวแขนเล็ก
พร้อมกับกระชากให้สาวเจ้าหันกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง
นั่นทำให้คนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเซกลับมาปะทะอกแกร่งอย่างจัง
“โอ๊ย!”
อรรัมภาอุทานเสียงหลงด้วยความตกใจ
“พี่ยังคุยธุระไม่จบ เธอจะเดินหนีออกไปแบบนี้ได้ยังไง”
เจตนิพัทธ์ว่าเสียงเข้ม พร้อมกับจ้องร่างบางอย่างเอาเรื่อง
“ปล่อยอ้อน”
น้ำเสียงแข็งแต่ติดสั่นของคนตัวเล็กนั้นทำให้เจตนิพัทธ์เดาได้ไม่ยากว่า
เจ้าตัวนั้นกำลังจะร้องไห้ซึ่งก็ช่วยยืนยันได้ว่าอรรัมภาท้องจริงๆอย่างที่มารดาเขาบอกมา
“มากับพี่”
น้ำเสียงเจตนิพัทธ์เข้มขึ้นเป็นเท่าตัว มือแกร่งดึงข้อมือเรียวเล็กให้เดินตามมา
แต่ดูเหมือนว่าสาวเจ้าจะไม่ให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่นัก เพราะเจ้าตัวยังคงขืนตัวไว้อยู่
“ปล่อยนะพี่เจตน์ อ้อนบอกให้ปล่อยไง”
อรรัมภาแกะมือหนาออกจากเรียวแขนจนสำเร็จ
ดวงตาคู่กลมที่มีน้ำสีใสเอ่อคลอจ้องใบหน้าคมของคนตรงหน้าอย่างไม่ยอมแพ้
“อย่าดื้อนักได้ไหม ไปตรวจให้แน่ใจว่าเธอท้องหรือไม่ท้อง”
เจตนิพัทธ์ว่าเสียงเครียด ยอมรับว่าตอนนี้เขาเครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้น
หากอรรัมภาท้องขึ้นมาจริง ๆ ทุกอย่างมันจะไม่เป็นอย่างที่เขาวางแผนไว้ตั้งแต่แรก
จากเรื่องทุกอย่างที่ควรจะจบมันอาจจะไม่จบและจะยังคงคาราคาซัง
โดยเฉพาะความรู้สึกของเขาที่มันฟ้องอยู่ในตอนนี้
เจตนิพัทธ์สลัดความรู้สึกเหล่านั้นทิ้งไป ก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับคนตรงหน้าอีกครั้ง
“ถ้าอ้อนท้องแล้วจะทำไม พี่เจตน์จะให้อ้อนเอาเด็กออกเหรอคะ หรือจะพรากเขาไปจากอ้อน”
อรรัมภาว่าด้วยใบหน้าที่เจิ่งนองน้ำตา
“รู้ตั้งแต่ตอนไหน แล้วทำไมไม่บอก”
เจตนิพัทธ์ดึงคนตรงหน้าเข้ามากอด หากสาวเจ้าสังเกตสักนิดก็จะรู้ว่า
น้ำเสียงที่ชายหนุ่มเปล่งออกมานั้นแผ่วเบาและอ่อนลง ไม่ได้แข็งกระด้างอย่างเมื่อครู่
“ถ้าอ้อนบอกแล้วมึงจะโผล่หัวมางานแต่งหรือไง ก็ไม่”
เสียงของคนมาใหม่ดังขึ้น ซึ่งก็คืออชิระพี่ชายต่างมารดาของอรรัมภา
ซึ่งก็เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของเขาเช่นกัน
“ปล่อยน้องกูได้แล้ว”
อชิระว่าพร้อมกับเข้าไปดึงน้องสาวออกจากอ้อมกอดของเพื่อน
ถ้าเขารู้ว่าเจตนิพัทธ์ถือหุ้นบริษัทแห่งนี้แน่นอนว่าเขาไม่มีวันให้อรรัมภาเข้ามาทำงานที่นี่เป็นแน่
“ต่างคนต่างอยู่เถอะ กูขอ”
อชิระว่า ถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่เพื่อนเขาคงจะเข้าไปซัดหมัดหนัก ๆ
ใส่หน้ามันสักสองสามหมัดแล้วที่ทำให้น้องสาวเขามีน้ำตา
แต่มันคือเพื่อนของเขาและเขาก็รู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นยังไง
จะโทษมันฝ่ายเดียวไม่ได้ ก็ในเมื่อน้องสาวของเขาก็มีส่วนผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเหมือนกัน
ไม่สิคนที่ผิดคือมารดาของอรรัมภากับมารดาของเจตนิพัทธ์ต่างหากล่ะ
“แต่เด็กในท้องอ้อนก็ลูกกูไหมวะ”
เจตนิพัทธ์ว่าแต่สายตายังจับจ้องไปที่แม่ของลูก
“มึงไม่ได้ตั้งใจให้เขาเกิดมาด้วยซ้ำ”
คำพูดของพี่ชายทำให้อรรัมภาสะอึกไปไม่น้อย
“ใครบอกว่ากูไม่ได้ตั้งใจ”
คำถามของเจตนิพัทธ์ทำให้ทั้งห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง ใช่ เขาตั้งใจ
เขาอยากมีลูกกับผู้หญิงที่เขารัก ซึ่งความตั้งใจเหล่านั้นมันเป็นความตั้งใจ
ก่อนที่ความทรงจำทั้งหมดของเขาจะกลับมา มันเป็นความตั้งใจก่อนที่เขาจะรู้ว่าจริงทั้งหมด
ความจริงที่อรรัมภากับมารดารวมหัวกันโกหกเขา และผลักใสผู้หญิงที่เขารักออกไปจากชีวิตของเขา